พระพิจิตรเขี้ยวงู “พระกรุในตำนานหาชมได้ยาก” เป็นพระกรุของเมืองพิจิตรที่สร้างในสมัยสุโขทัยจนถึงอยุธยาตอนปลาย สร้างพร้อมกันกับพระพิจิตรเม็ดน้อยหน่า แต่รูปทรงชลูดเล็กกว่า ไม่มีปีกองค์พระ จะเล็กผอม หายากกว่าพระพิจิตรเม็ดน้อยหน่ามาก เพราะพระมีขนาดเล็กจึงสูญหายไปจำนวนไม่น้อย เป็นหนึ่งในพระกรุเมืองพิจิตรตำนานแห่งความเหนียว มีปางสดุ้งมารและสมาธิ์ เนื้อชิน เนื้อดิน และเนื้อดินผสมผงใบลาน ในเมืองพิจิตรพบหลายกรุ.- กรุวัดพระศรี ฯ กรุวัดท่าฉนวน กรุวัดโพธิ์ประท้บช้าง องค์ที่นำมาเสนอเป็นเนื้อชินเงินสนิมผิวดำตีนกาปางสมาธิ์ ขนาด 0.5 x 1.5 ซม. ผู้อาวุโสในสายให้ความเห็นว่าเป็นของกรุท่าฉนวนที่พบยาก ทำหล่นหายทันที (หาไม่เจอ) 1,000.- บาท. http://www.winitcq.com
… เก็บมาเล่าที่เขาเขียนไว้ >@>>>เรื่องราวจริงในอดีต…ของ บุญเพ็ง หีบเหล็ก นักโทษประหารคนสุดท้ายของกรุงรัตนโกสินทร์ ยังอมพระเมืองพิจิตรไว้ในปาก ทำให้มีดดาบเพชรฆาตรไม่ระคายผิว_บุญเพ็ง หีบเหล็ก เป็นฆาตกรโรคจิตเมื่อลงมือฆ่าใครแล้วจะหั่นศพเป็นชิ้นๆแล้วใส่ “หีบเหล็ก” โยนทิ้งน้ำจึงมีฉายาว่า บุญเพ็ง หีบเหล็ก…ในช่วงประหารชีวิตนายบุญเพ็งนั้น เพชรฆาตร รำดาบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วได้ลงดาบอันคบกริบลงบนคอ แทนที่คอจะขาดเลือดพุ่งกระฉูดกลับกลายเป็นว่า คมดาบนั้นไม่ได้ระคายเคืองผิวเลยแม้แต่น้อย จนเพชฌฆาตพูดว่า “เอ็งมีอะไรดี ให้เอาออกมาเสียเถอะมิเช่นนั้นจะเอาไม้รวกสวนทวาร(ก้น) แล้วจะเจ็บปวดทรมานจนตาย” หลังจากนั้นเพชรฆาตร ก็เอาพระพิจิตร ที่นายบุญเพ็ง อมไว้ในปากขว้างทิ้งไปในกอไผ่ คราวนี้เพชรฆาตรรำดาบใหม่ จนบุญเพ็งเคลิ้มเผลอ ทันใดนั้นคมดาบก็ฟันดังฉับ สิ้นเสียงคมดาบ คราวนี้คอของนักโทษบุญเพ็งขาดหัวกระเด็น จนเลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มาดูต่างร้องวี๊ดว้ายระงม ศพของบุญเพ็ง หีบเหล็ก ถูกนำไปฝังไว้ในป่าช้านั้นเอง จนภายหลังญาติมาจัดการเผาศพตามพิธี และกล่าวกันว่า รอยสักช่วงแผ่นหลัง ของเขา เผาไฟไม่ไหม้ ญาติเก็บกระดูกใส่เจดีย์ไว้ข้างอุโบสถวัด จนช่วงหลังเจดีย์ถูกรื้อออก ทางวัดภาษี จึงได้ให้ช่างปั้นรูปปั้นจำลอง ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อ พ.ศ.2537 ตั้งไว้ในศาลเล็ก ๆ ติดกับวิหาร ซึ่งเป็นอนุสรณ์ว่า เขาเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2474 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2475 ศาลบุญเพ็ง หีบเหล็ก กลับกลายเป็นศาลที่มีคนไปกราบไหว้บูชา เสี่ยงโชคเสี่ยงลาภกันตลอดมา … นี่คือวิธีชีวิต “คนไทย” …
พระพิจิตรเขี้ยวงู
฿1,800.00
พระพิจิตรเขี้ยวงู “พระกรุในตำนานหาชมได้ยาก” เป็นพระกรุของเมืองพิจิตรที่สร้างในสมัยสุโขทัยจนถึงอยุธยาตอนปลาย สร้างพร้อมกันกับพระพิจิตรเม็ดน้อยหน่า แต่รูปทรงชลูดเล็กกว่า ไม่มีปีกองค์พระ จะเล็กผอม หายากกว่าพระพิจิตรเม็ดน้อยหน่ามาก เพราะพระมีขนาดเล็กจึงสูญหายไปจำนวนไม่น้อย เป็นหนึ่งในพระกรุเมืองพิจิตรตำนานแห่งความเหนียว มีปางสดุ้งมารและสมาธิ์ เนื้อชิน เนื้อดิน และเนื้อดินผสมผงใบลาน ในเมืองพิจิตรพบหลายกรุ.- กรุวัดพระศรี ฯ กรุวัดท่าฉนวน กรุวัดโพธิ์ประท้บช้าง องค์ที่นำมาเสนอเป็นเนื้อชินเงินสนิมผิวดำตีนกาปางสมาธิ์ ขนาด 0.5 x 1.5 ซม. ผู้อาวุโสในสายให้ความเห็นว่าเป็นของกรุท่าฉนวนที่พบยาก ทำหล่นหายทันที (หาไม่เจอ) 1,000.- บาท. http://www.winitcq.com
… เก็บมาเล่าที่เขาเขียนไว้ >@>>>เรื่องราวจริงในอดีต…ของ บุญเพ็ง หีบเหล็ก นักโทษประหารคนสุดท้ายของกรุงรัตนโกสินทร์ ยังอมพระเมืองพิจิตรไว้ในปาก ทำให้มีดดาบเพชรฆาตรไม่ระคายผิว_บุญเพ็ง หีบเหล็ก เป็นฆาตกรโรคจิตเมื่อลงมือฆ่าใครแล้วจะหั่นศพเป็นชิ้นๆแล้วใส่ “หีบเหล็ก” โยนทิ้งน้ำจึงมีฉายาว่า บุญเพ็ง หีบเหล็ก…ในช่วงประหารชีวิตนายบุญเพ็งนั้น เพชรฆาตร รำดาบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วได้ลงดาบอันคบกริบลงบนคอ แทนที่คอจะขาดเลือดพุ่งกระฉูดกลับกลายเป็นว่า คมดาบนั้นไม่ได้ระคายเคืองผิวเลยแม้แต่น้อย จนเพชฌฆาตพูดว่า “เอ็งมีอะไรดี ให้เอาออกมาเสียเถอะมิเช่นนั้นจะเอาไม้รวกสวนทวาร(ก้น) แล้วจะเจ็บปวดทรมานจนตาย” หลังจากนั้นเพชรฆาตร ก็เอาพระพิจิตร ที่นายบุญเพ็ง อมไว้ในปากขว้างทิ้งไปในกอไผ่ คราวนี้เพชรฆาตรรำดาบใหม่ จนบุญเพ็งเคลิ้มเผลอ ทันใดนั้นคมดาบก็ฟันดังฉับ สิ้นเสียงคมดาบ คราวนี้คอของนักโทษบุญเพ็งขาดหัวกระเด็น จนเลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มาดูต่างร้องวี๊ดว้ายระงม ศพของบุญเพ็ง หีบเหล็ก ถูกนำไปฝังไว้ในป่าช้านั้นเอง จนภายหลังญาติมาจัดการเผาศพตามพิธี และกล่าวกันว่า รอยสักช่วงแผ่นหลัง ของเขา เผาไฟไม่ไหม้ ญาติเก็บกระดูกใส่เจดีย์ไว้ข้างอุโบสถวัด จนช่วงหลังเจดีย์ถูกรื้อออก ทางวัดภาษี จึงได้ให้ช่างปั้นรูปปั้นจำลอง ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อ พ.ศ.2537 ตั้งไว้ในศาลเล็ก ๆ ติดกับวิหาร ซึ่งเป็นอนุสรณ์ว่า เขาเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2474 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2475 ศาลบุญเพ็ง หีบเหล็ก กลับกลายเป็นศาลที่มีคนไปกราบไหว้บูชา เสี่ยงโชคเสี่ยงลาภกันตลอดมา … นี่คือวิธีชีวิต “คนไทย” …